1688 ดูเหมือนว่าปีนี้ ความนิยมในการธุรกิจ E-Commerce ประเภท B2B (Business to Business) จะเริ่มมีความโดดเด่น และผู้ประกอบการหันมาทำธุรกิจประเภทนี้กันมากขึ้นอย่างช้าๆ
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขายได้ง่ายกว่า และได้กำไรดีกว่าการขายแบบปลีกหรือธุรกิจแบบ B2C (Business to Customers)
KIG Logistics รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ B2B มาฝาก ลองมาดูกันว่าแนวโน้มแบบไหนที่เกี่ยวกับ B2B กำลังจะมา และแบบไหนกำลังจะหายไป
การขายส่วนบุคคล
การวิจัยบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่านักวิจัยและผู้ซื้อในรูปแบบธุรกิจ B2B จะมีลักษณะคล้ายกับรูปแบบธุรกิจ B2C และดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของประชากรเกิดขึ้น สำหรับนักวิจัย B2B ที่ใช้งานบนอินเตอร์เน็ตกลายเป็นบุคคลในช่วงวัยหนุ่มสาว โดยสัดส่วนของประชากรที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี หรือที่รู้จักกันว่าเป็นคน Millennials เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับอินเตอร์เน็ต ชอบอัพเดทผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสนใจข้อเสนอที่ยืดหยุ่นได้จากร้านค้าออนไลน์ รวมทั้งในโซเชียลมีเดีย ปกติแล้วผู้ซื้อในรูปแบบธุรกิจ B2B นั้น มักตั้งความคาดหวังที่คล้ายกันกับผู้ขาย เพราะฉะนั้น ผู้ขายต้องลองสวมบทบาทเป็นผู้ซื้อ เอาใจเขามาใส่ใจเขา เพื่อที่จะเข้าถึงได้ว่าผู้บริโภคทั่วไปมีพฤติกรรมอย่างไร
E-Catalogue
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทในรูปแบบธุรกิจ B2B อาจทำการหยุดพิมพ์แคตตาล็อกจากกระดาษแข็ง เพราะฉะนั้น แคตตาล็อกสินค้าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นมหาศาล แต่อยู่ในรูปแบบดิจิตอลและคุณจะเห็นมันถูกวางไว้บน E-Commerce (เช่น Taobao , Tmall และ 1688) หรือเว็บไซต์ของบริษัท
Mobile Shopping
ประชากรและผู้คนมากมายทั่วโลก ต่างเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนอย่างน้อยคือคนละ 1 เครื่อง และวันนี้การช็อปปิ้งออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำผ่านคอมพิวเตอร์อีกต่อไป กลับเป็นโทรศัพท์มือถือที่ทุกคนต่างมีไว้ในครอบครอง ด้วยความสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้งาน ดังนั้น สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เว็บไซต์ E-Commerce ไม่ว่าจะเป็น Taobao , Tmall และ 1688 ได้ถูกปรับให้เข้ากับเวอร์ชั่นของมือถือ เพื่อให้เข้าถึงการเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Videos
ปัจจุบัน วิดีโอ เป็นการสื่อสารที่ได้รับความสนใจและทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดมากที่สุด บริษัทในรูปแบบ B2B นั้น ได้เริ่มต้นสำรวจการตลาดวิดีโออย่างจริงจังแล้ว โดยพบว่ามันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการส่งข้อความหรืออธิบายผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้เข้าใจง่ายกว่าและทันที แพลตฟอร์มจำนวนมาก เช่น Taobao , Tmall และ 1688 จึงเริ่มรวมวิดีโอที่แนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการเอาไว้บนหน้าเว็บไซต์หลักของพวกเขา เพื่อสร้างความเชื่อมั่น การมีส่วนร่วม และความภักดีจากลูกค้า
ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
AI กำลังเริ่มเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ เนื่องจากคอมพิวเตอร์เริ่มมีความฉลาดมากขึ้น ด้วยข้อมูลเครื่องมือค้นหาและการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ การค้นหาผลิตภัณฑ์และการสนทนาจะง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายและตอบกลับลูกค้าได้ในทันที
เทคโนโลยี Augmented Reality (AR)
AR เทคโนโลยีที่นำภาพเสมือน ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ จำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้องและการประมวลผลที่จะนำวัตถุมาทับซ้อนเข้าเป็นภาพเดียวกัน ปัจจุบันพบว่ากำลังมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า มันสร้างแรงดึงดูดและน่าค้นหา นอกเหนือจากประสบการณ์เล่นเกมแล้ว AR ยังได้บุกเข้าไปในโลกของอุตสาหกรรมธุรกิจ โดยเฉพาะช่วยให้แบรนด์สามารถพูดคุยกับลูกค้า และแข่งขันกับคู่แข่งธุรกิจอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ เป็นสื่อที่ทำให้ลูกค้าสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ได้เห็นภาพชัดขึ้น หรือใช้จำลองภาพต่างๆ ก่อนการจัดจริงว่าควรทำอย่างไรให้ดูสวย เช่น อุตสาหกรรมออกแบบตกแต่งภายใน ธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เป็นต้น
แนวโน้มทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีนั้นมีผลต่อธุรกิจ B2B อย่างไร อีกทั้ง ยังเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคอยอัพเดทข้อมูลและสำรวจความต้องการของผู้บริโภค เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและก้าวนำคู่แข่งขัน แต่ยังมีอีก 10 เทคโนโลยีปี 2020 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สามารถอัพเดทข้อมูลได้ที่นี่
อ้างอิงข้อมูล https://www.chem-on.com.sg/article/blogcat3/blogart4