Shippingจีน เทรนด์ล่ามาแรง…ดันธุรกิจโลจิสติกส์ให้แข็งแกร่ง !

Shippingจีน เทรนด์ดันธุรกิจโลจิสติกส์_kiglogisticsWEB shippingจีน Shippingจีน เทรนด์ล่ามาแรง…ดันธุรกิจโลจิสติกส์ให้แข็งแกร่ง !                                                                             kiglogisticsWEB

Shippingจีน ในปีนี้ เทรนด์การขนส่งโลจิสติกส์ที่มาแรง คงต้องยกให้กับเรื่องนวัตกรรมเทคโนโลยีและการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ธุรกิจโลจิสติกส์จำนวนมากรวมไปถึงผู้ให้บริการ Shippingจีน จึงต้องแข่งขันกันด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ขั้นสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า การขนส่ง และการจัดการการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Kig Logistics ได้รวบรวมข้อมูล โดยต่อไปนี้คือ 5 เทคโนโลยีสำคัญ ที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์และผู้ให้บริการ Shippingจีน ไปได้ไกล

1.Blockchain

เป็นเทคโนโลยีที่มีต้นกำเนิดมาจากสาขาคณิตศาสตร์ Blockchain ใช้วิธี ‘การเข้ารหัสช่วย’ ในการตรวจสอบประวัติของผู้ให้บริการ และซัพพลายเออร์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาใหม่เพื่อเข้ามาเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจ การบันทึกธุรกรรม ติดตามสินทรัพย์ และสร้างระบบที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการเอกสารทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการโลจิสติกส์ ทั้งนี้ เพื่อลดข้อผิดพลาดและการทุจริต

2. Internet of Things / LoT Devices

เมื่อไหร่ก็ตามที่โลกมีสัญญาณ 5G เป็นที่เชื่อกันว่า สรรพสิ่งทั้งหมดจะถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยอินเตอร์เน็ต (LoT) ในวงการขนส่งจะมีการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นระบบอัจฉริย เช่น ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะรถยนต์และรถบรรทุก ที่สามารถแจ้งเตือนยานพาหนะถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

โดยรถบรรทุกขนส่งที่ใช้ LoT จะมีข้อมูลการขับขี่ แผนที่ และวิดีโอแบบเรียลไทม์ ยานพาหนะจะสามารถ ‘มองเห็น’ มุมมองในจุดอับสายตาและระยะไกล มองเห็นคนเดินบนทางเท้า นักปั่นจักรยาน และอันตรายจากถนน จนอาจเรียกได้ว่า LoT อาจเป็นการปฏิวัติการขนส่งถึง 80% นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ที่ใช้ LoT สามารถตรวจสอบการใช้เชื้อเพลิง เบรก ความเร็ว และแสดงความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ตลอดจนเช็คได้ว่าแพ็กเกจหรือสินค้ามีการจัดส่งเบี่ยงเบนหรือไม่

3. ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)

AI ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของผู้โดยสาร และช่วยแก้ปัญหาเรื่องการจัดการจราจร กำหนดสถานที่ท่องเที่ยว หลีกเลี่ยงที่เป็นอันตราย ใช้ออกแบบหรือประเมินความสมบูรณ์ของโครงสร้าง วางแผนกิจกรรมการก่อสร้าง และกำหนดการบำรุงรักษา

4. Big Data (การจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่)

Big Data หรือการจัดการกับคลังข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักในระบบการขนส่งและการบำรุงรักษา สามารถนำมาใช้ในการปรับเส้นทางการทำงานของโรงงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้ คือข้อดีของการนำเอา Big Data มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพของการขนส่งและโลจิสติกส์

  • สามารถคาดการณ์ธุรกิจทางการเงิน
  • การวินิจฉัยเกี่ยวกับยานพาหนะ
  • รูปแบบของการขับขี่
  • ข้อมูลตำแหน่งตามเวลาจริง
  • ข้อมูลการจราจรและสภาพอากาศ จากเซ็นเซอร์จอภาพและระบบพยากรณ์อากาศ
  • ปรับปรุงการดำเนินงาน การกำหนดเส้นทางด้วยข้อมูลที่ขับเคลื่อนโดยเซ็นเซอร์
  • ระบบอัจฉริยะทางกายภาพบนอินเตอร์เน็ต (Physical Internet-based intelligent : Pl, π) ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในการยกระดับการขนส่งและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

5. เทคโนโลยีการขนส่งอัตโนมัติ

โดรนและรถบรรทุกที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จะส่งผลดีต่อระบบการจราจร มีการรักษาถนนให้ปลอดภัย และการส่งมอบที่ตรงเวลา แต่การลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ยังเป็นประเด็นหลัก กระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า 94% ของอุบัติเหตุทางจราจรเกี่ยวข้องกับความผิดพลาดของผู้ขับขี่ แต่จะไม่มีข้อผิดพลาดของมนุษย์อีกต่อไปและสามารถลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อมีการใช้เทคโนโลยีขนส่งอัตโนมัติในธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น รถยกแบบอิสระ ที่สามารถโหลดสินค้า ขนถ่าย และขนส่งสินค้าภายในคลังสินค้า และมีสายพานในการลำเลียงที่ยืดหยุ่น

ด้าน Mercedes-Benz เปิดตัวต้นแบบของรถบรรทุกกึ่งอิสระที่ตั้งเป้าไว้จะนำออกมาใช้ในปี 2025 เป็นยานพาหนะขนส่งสินค้าขนาดใหญ่สำหรับช่วยผู้ผลิตรถบรรทุก รวมถึงการขนส่งสินค้าทางไกลแบบไม่ใช้ผู้ขับขี่ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ ในขณะที่  Amazon ได้พัฒนาการใช้รถบรรทุกแบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ซึ่งถูกพัฒนาโดย Embark เพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าได้รวดเร็วขึ้น

6. เทรนด์รักษ์โลก ขนส่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อีกเทรนด์สำคัญสำหรับปีนี้ คือขนส่งรักษ์โลก ที่แพร่กระจายวงกว้างไปทั่วโลกในเวลานี้ โดยไอเดียของ Go-Green ได้เริ่มขึ้นในภาคการขนส่งโลจิสติกส์ เพื่อเป้าหมายหลักๆ คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในธุรกิจขนส่งหรือบริการ Shippingจีน จากรถบรรทุก รถยนต์ รถตู้ รถจักรยานยนต์ เพื่อลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สำหรับตัวอย่างของการทำ ‘โลจิสติกส์สีเขียว’ เนื่องจากเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด อาทิ

  • วัสดุบรรจุภัณฑ์ ‘สีเขียว’ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นั่นคือ ย่อยสลายได้ , นำกลับมาใช้ซ้ำได้ , วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ , กระดาษแข็ง , กระดาษ , เส้นใยเซลลูโลส , วัสดุพลาสเตอร์
  • การปรับเส้นทางให้เหมาะสม เพื่อประหยัดเชื้อเพลงน้ำมันและระยะเวลา
  • การเพิ่มและปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ทางกายภาพ
  • การขนส่งสินค้าสีเขียว เส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับเส้นทางรถสีเขียว

อย่างไรก็ตาม บริษัท เรือเดินสมุทรบางแห่ง ยังได้จัดทำโครงการนำร่อง ‘Go Green’ โดยรีไซเคิลน้ำมันให้เป็นพลังงานหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมมาตรการประหยัดพลังงาน ตัวอย่างเช่น รถบรรทุกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ DHL มีแนวโน้มที่จะก้าวต่อไปในโครงการสีเขียว พร้อมสนับสนุนขบวนรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือโปรแกรม Destination Green โดย YRC Worldwide เป็นบริการรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีการทดสอบระหว่างน้ำมันดีเซล-ไฟฟ้าไฮบริดกับรถบรรทุก เป็นต้น

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *