ชิปปิ้งจีน สำหรับการขนส่งหรือระบบโลจิสติกส์โดยทั่วไปนั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ
สำหรับในเมืองไทยบ้านเรา พื้นที่ของโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับทางน้ำและทางอากาศ ได้ถูกต่างชาติเข้ามาแย่งส่วนแบ่งของพื้นที่หรือ E-Market Share ไปถึง 80%-90% ด้วยข้อจำกัดด้านการเงิน และข้อกำหนดในเรื่องของกฎหมายบางอย่าง ที่มีการปรับระเบียบและกฎเกณฑ์ จึงเอื้อให้ต่างชาติสามารถเข้ามาถือหุ้นในบริษัทเอกชนได้มากถึง 51%
ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์มากมาย ที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการ และการดำเนินธุรกิจด้านนี้ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างเครือข่ายให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น Kig Logistics ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์หรือนำเข้าสินค้าจากจีนมาไทย (ชิปปิ้งจีน) มี 10 เรื่องอัพเดท ที่จะเปลี่ยนโฉมเทรนด์โลจิสติกส์ในปี 2020 ไปอย่างสิ้นเชิง
- เกิดความร่วมมือกันมากขึ้น ระหว่างผู้ส่งสินค้ารายใหญ่ของโลกกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายย่อย
- บริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จะหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น
- จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น
- ทำให้เกิดความคล่องตัวในการขนส่งสินค้า
- มีการใช้แอปพลิเคชันในการทำงานมากขึ้น
- เช่น แอปฯ ที่ช่วยในการกรอกข้อมูล เก็บข้อมูล เรียกดูข้อมูลเพื่อติดตามตู้สินค้า
- จะมีการยืนยันตู้สินค้าแบบ Real Time ทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง
- ระบบกระดาษในโลจิสติกต์ จะหายไปจากธุรกิจโลจิสติกส์ ปัจจุบัน กรมศุลกากร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลและสินค้านำเข้า-ส่งออก ก็ได้เปลี่ยนระบบไปเป็น E-Paperless ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ทำให้บริษัทชิปปิ้งจีนต่างๆ จึงต้องยื่นเอกสารในรูปแบบออนไลน์
- ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จะหันมาใช้ซอฟท์แวร์เพื่อช่วยบริหารจัดการ เช่น
- ระบบบริหารจัดการการขนส่ง Transportation Management Systems (TMS)
- ระบบบริหารจัดการโกดัง Warehouse Management Systems (WMS)
- ข้อดีคือช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าให้สั้นลง
- มีการนำ Big data และการแบ่งปันข้อมูลมาใช้
- จะมีการใช้เทคโนโลยี Cloud สำหรับเก็บข้อมูล Big Data
- ผู้ให้บริการและลูกค้าสามารถเรียกดูข้อมูลได้ทันที
- ให้บริการได้ตามความต้องการของลูกค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
- ติดตามตรวจสอบได้ตลอดทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทาน Supply Chain
- ธุรกิจโลจิสติกส์ จะเป็นธุรกิจที่เชื่อมโยงกันระดับโลก
- การทำงานของบริษัทโลจิสติกส์ จะเป็นงานใน Scale ระดับโลกมากขึ้น มีการเชื่อมต่อถึงกันระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการ Supply Chain
- ระบบ Supply Chain ของการขนส่งสินค้าและบริการ จะมีความซับซ้อนมากขึ้น
- เพิ่มบทบาทของบริษัทผู้ผลิตสินค้าในห่วงโซ่อุปทาน
- ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จะใช้วิธีแบบองค์รวมเพื่อจัดการ Supply Chain
- เน้นให้ผู้ผลิตและ Suppliers ตรวจสอบสินค้าที่จัดส่งได้ รู้ถึงยอดขาย ทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างระบบอัตโนมัติ เพื่อการทำงานเกิดความคล่องตัว
- ระบบการขนส่ง จะพัฒนาไปสู่ระบบที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น เช่น มีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ เพื่อตรวจสอบและนับจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ ที่ลำเลียงออกจากโกดังไปยังจุดหมายปลายทาง
- ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จะให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น
- ผู้ให้บริการ สามารถขนส่งสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ได้ และสามารถส่งพัสดุขนาดเล็กจำนวนมากได้ในคราวเดียว เช่น การสั่งซื้อผ่านออนไลน์
- มีซอฟต์แวร์จัดการกับระบบเอกสารสินค้า และแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ทันที
- บริษัทโลจิสติกส์จะมีการบริหารจัดการพนักงานได้ดียิ่งขึ้น อาทิ
- มีการจัดการพนักงาน เพื่อให้งานคล่องตัว อาจมีการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ร่วมกันกับทรัพยากรมนุษย์
- เป็นกิจการที่มีความยั่งยืนและรักษาสิ่งแวดล้อม
- ธุรกิจโลจิสติกส์นับจากนี้ จะมีการเลือกใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น เพื่อลดมลภาวะที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยการใช้พลังงานน้อยในการขนส่งสินค้า
- บริษัทจะมีการปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องกับตลาด
นับได้ว่าเป็นเทรนด์โลจิสติกส์ที่บางเทรนด์นั้นได้เกิดขึ้นจริง และเริ่มนำมาใช้กับธุรกิจเป็นบางส่วน แต่อาจยังมีการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการดำเนินงาน ยิ่งใครที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจการนำเข้าสินค้าจากจีน โดยเฉพาะสินค้าจำนวนมากมายมหาศาลที่สั่งซื้อจากเว็บไซต์ Taobao และ Tmall ยิ่งต้องมองหาผู้ให้บริการขนส่งสินค้า (ชิปปิ้งจีน) ที่มีคุณภาพและมีการดำเนินเรื่องจัดการเอกสารกับศุลกากร ครบจบทั้งเรื่องเอกสารและการนำเข้าต้อง Kig logistics มีบริการขนส่งสินค้า ชิปปิ้งจีน เดินพิธีการศุลกากร ด้วยทีมงานคุณภาพและเป็นมืออาชีพ