1688 ทำความรู้จัก House Brand / Private Label และ Exclusive Brand

1688 ความต่างแบรนด์ 1688 1688 ทำความรู้จัก House Brand / Private Label และ Exclusive Brand                                            768x402

1688 แพลตฟอร์ม E-Commerce ในเครือ Alibaba Group เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าในปริมาณมาก เพื่อนำมาจำหน่ายต่อหรือสร้างชื่อแบรนด์ของตัวเอง

การสร้างแบรนด์ของตัวเองในยุคนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ สินค้าต้องแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใครในท้องตลาด ซึ่งสินค้าประเภทนี้สามารถเลือกซื้อได้จาก 1688 ซึ่งมีสินค้าหลากหลายหมวดหมู่ มีคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล สองคือการตั้งชื่อแบรนด์ ควรมีความโดดเด่น จดจำง่าย และไม่ซ้ำกับใคร ซึ่งสินค้าที่มีแบรนด์นั้น ย่อมดูดี มีมูลค่าหรือมีตัวตนมากกว่าสินค้าที่ไร้แบรนด์

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเองนั้น มาทำความรู้กับความแตกต่างของการสร้างแบรนด์ที่ได้รับความนิยม  Kig Logistics จึงได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ดังต่อไปนี้

 

  1. House Brand

‘House Brand’ คือ แบรนด์สินค้า ที่ร้านค้าปลีกใช้แบรนด์ร้านค้าของตัวเองตั้งเป็นชื่อแบรนด์ เช่น สินค้าเฮาส์แบรนด์ของบิ๊กซี ก็จะเป็นตรา ‘บิ๊กซี’ เป็นต้น สินค้าประเภทนี้มีจุดประสงค์ 2 ประการ คือ

  1. เพื่อเพิ่มส่วนต่างให้กับร้านค้าปลีก เนื่องจากสินค้านี้มีมูลค่าทางการตลาดไม่สูงมากนัก
  2. เพื่อสร้างความจงรักภักดีของผู้บริโภคต่อร้านค้าปลีก (Store Loyalty)

อย่างไรก็ตาม บางครั้งร้านค้าอาจไม่ได้ตั้งชื่อแบรนด์ตามชื่อร้านค้าของตัวเองเสมอไป เพื่อวางภาพลักษณ์ของสินค้าให้ดูดีมากขึ้น รวมถึงคุณภาพ ดีไซน์ และคุณสมบัติของสินค้า เช่น แบรนด์ F&F ของเทสโก้ โลตัส เป็นต้น โดยส่วนใหญ่สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าประเภท FMCG (Fast Moving Consumer Goods) เป็นสินค้าที่มีต้นทุนต่ำ สามารถตั้งราคาได้ถูกเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่นิยมซื้อสินค้าราคาถูก ไม่จำเป็นต้องโฆษณา หากเป็นสินค้าที่เคยเห็นอยู่แล้วสำหรับลูกค้า ช่วยสร้างความสบายใจให้ได้ในระดับหนึ่ง

 

  1. Private Label

‘Private Label’ หรือ ‘สินค้าตราห้าง’ มีความคล้ายคลึงกับสินค้า ‘House Brand’ กล่าวคือ เป็นตราสินค้าเฉพาะของร้านค้าปลีกนั้นๆ ซึ่งอาจผลิตโดยห้างหรือผู้ผลิต OEM (Original Equipment Manufacturer) ผลิตให้และติดแบรนด์ หรืออาจตั้งชื่อใหม่

สินค้าตราห้างถือเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ มุ่งเน้นความคุ้มค่าด้านราคา โดยสินค้าตราห้างมีลักษณะคล้ายกับสินค้าแบรนด์ดัง มีคุณภาพทัดเทียม มีโอกาสเติบโตสูง และอาจกลายเป็นคู่แข่งของสินค้าแบรนด์ได้ในอนาคต ปัจจุบัน ได้รับความนิยมจากลูกค้า และยังเป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการจีนจำนวนมาก เนื่องจากมีโอกาสทำกำไรให้กับบริษัทได้ค่อนข้างสูง ทั้งการบริหารไม่ยุ่งยากซับซ้อน อีกทั้งนิยมใช้เป็นกลยุทธ์ของห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต

จากข้อมูลพบว่า ร้านค้าปลีกในประเทศจีนจำนวนมากกำลังแสวงหาสินค้าชนิดใหม่ๆ จากผู้ผลิตจีน โดยเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น เพื่อส่งออกไปยังลูกค้าแถบยุโรป ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีต้นทุนต่ำกว่าแบรนด์ดังๆ (Brand Leader) และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ทำให้ราคาสินค้าต่ำกว่า 20-30% ส่วนใหญ่สินค้าที่ว่าสามารถเลือกซื้อได้จาก 1688 โดยร้านค้าจากเว็บไซต์เป็นผู้ผลิตสินค้าจำนวนมากและมีราคาส่งสำหรับผู้ต้องการสินค้าจำนวนมาก

นี่จึงถือเป็นช่องทางที่ผู้ประกอบการควรปรับกลยุทธ์รับมือกับผู้ผลิตจีน แน่นอนว่าผู้ผลิตจีนขึ้นชื่อการผลิตสินค้าในต้นทุนต่ำเพื่อการส่งออกอยู่แล้ว และยังได้เปรียบเรื่องการขนส่งและกระจายสินค้า ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพ และนำมาเป็นจุดแข็งให้กับแบรนด์ของตนเอง เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ยอมจ่ายให้กับสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าราคาถูก

 

  1. Exclusive Brand คืออะไร?

‘Exclusive Brand’ เป็นสินค้าที่ผู้ผลิตมีข้อตกลงกับร้านค้าปลีกว่าจะจำหน่ายให้กับร้านค้าปลีกที่ได้ทำการตกลงเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายเฉพาะในร้านค้าปลีกนั้นๆ กล่าวว่าสินค้า Exclusive Brand ถือกำเนิดในยุคที่การค้าปลีกเรืองอำนาจ เป็นสินค้าค่อนข้างพรีเมี่ยม และ Limited Edition จึงมีราคาค่อนข้างสูง และมีจำหน่ายน้อยชิ้น

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *